ค้นหาบทความ:

มารู้จักชื่อเรียกต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Passport, Visa, Work Permit กันดีกว่า..

06_Cover_Thai

หลายคนเคยสงสัยและสับสนกับวิธีเรียกชื่อประเภทต่างๆ ของ Passport, Visa, Work Permit ไม่ว่าจะเป็นทั้งชาวต่างชาติหรือคนไทย
ซึ่งรู้ไหมว่าแต่ละตัวมีหลายประเภทมากเลย แต่ละประเภทนั้นใช้งานก็แตกต่างกัน แถมยังมีหลายชื่อเรียกอีกต่างหาก แล้วชาวต่างชาติที่อยากเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องใช้วีซ่าประเภทไหนหละ?
Wonderful Package ขอไขข้อสงสัยและพามารู้จักกับชื่อเรียกต่างๆ ของ Visa และ Work Permit กันดีกว่าค่ะ

หนังสือเดินทาง (Passport) , วีซ่า (Visa) , ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร

1. หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (Passport) คือ หนังสือเอกสารที่ใช้ในการไปต่างประเทศ ออกโดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีข้อมูลระบุถึงตัวตนเรา อย่างชื่อ-นามสกุล วัน-เดือน-ปีเกิด จังหวัดที่เกิด เพศ สัญชาติ เป็นต้น

โดยหนังสือเดินทาง มี 4 ประเภท

ประเภทหนังสือเดินทาง สีเล่มปกหนังสือ อายุหนังสือ

ใช้สำหรับ

1. ประชาชนทั่วไป   สีแดงเลือดหมู 5 ปี การท่องเที่ยว ไปเยี่ยมญาติหรือไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ
2. ราชการ สีน้ำเงินเข้ม 5 ปี งานราชการเท่านั้น
3. การฑูต สีแดงสด 5 ปี บุคคลสำคัญอย่างพระบรมวงศานุวงศ์ หรือข้าราชการชั้นสูงอย่างเช่น นายกรัฐมนตรี ประธานองคมนตรี องคมนตรี ประธานศาลฎีกา เป็นต้น
4. ชั่วคราว สีเขียว 1 ปี กรณีหนังสือเดินทางสูญหายหรือหมดอายุ (บางประเทศไม่รับหนังสือเดินทางประเภทนี้)

** ยังมีแบบพิเศษอีก 2 ประเภทคือ

  1. หนังสือเดินทางพระ ออกให้สำหรับพระภิกษุและสามเณรที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศตามนัยระเบียบมหาเถรสมาค
  2. หนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ออกให้ชาวมุสลิมที่เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ หนังสือเดินทางประเภทนี้จะมีอายุ 2 ปีเท่านั้น

เอกสารที่ต้องเตรียมเมื่อต้องการทำหนังสือเดินทาง (Passport) 

 ในที่นี้ขอแยกอธิบายเป็น 3 ส่วน ดังนี้
             สำหรับการขอทำหนังสือเดินทาง (Passport) สำหรับบุคลอายุเกิน 20 ปีขึ้นไป  

  1. บัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับจริง (ในกรณีที่เป็นบัตรข้าราชการให้นำสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย
  2. กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ หรือวันเดือนปีเกิด ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกับบัตรประชาชนให้นำหลักฐานการแก้ไขมาแสดง

             สำหรับการขอทำหนังสือเดินทาง (Passport) สำหรับบุคลอายุต่ำกว่า 15 ปี

  1. สูติบัตรฉบับจริง ** ฉบับสำเนาต้องได้รับการรับรองจากเขตหรืออำเภอ
  2. บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ หรือบัตรที่ใช้แทนได้ตามกฎกระทรวงมหาดไทยของบิดา มารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริง
    ** หากชื่อ-นามสกุล บิดา มารดา ในสูติบัตรไม่ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชน ให้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย
  3. กรณีที่มารดาหย่าและจดทะเบียนสมรสใหม่ และใช้นามสกุลใหม่ตามสามีให้นำหลักฐานการหย่าและการสมรสที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วp
  4. หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ และบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดา มารดา
    ** ในกรณีที่บิดา/มารดา หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถมาแสดงตัวได้ ในวันทำ Passport
  5. เอกสารอื่น ๆ เช่น เอกสารหลักฐานการรับรองบุตร หรือรับบุตรบุญธรรม บันทึกการหย่า ซึ่งมีข้อความระบุให้บุตรอยู่ในความดูแลของบิดาหรือมารดา เป็นต้น

** ส่วนในกรณีต่าง ๆ เช่น กรณี บิดา มารดา ของผู้เยาว์เสียชีวิต, กรณีที่บิดา มารดา ของผู้เยาว์เป็นชาวต่างชาติที่มิได้จดทะเบียนสมรส, กรณีที่ไม่สามารถตามหา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาให้ความยินยอมได้, กรณีบิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสแต่บุตร อยู่ในความดูแลของบิดาฝ่ายเดียวมาตลอด และไม่สามารถตามหามารดาได้ ซึ่งกรณีเหล่านี้ให้นำคำสั่งศาลซึ่งระบุชื่อผู้มีอำนาจปกครอง พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจปกครองมาแสดงด้วย
          สำหรับการขอทำหนังสือเดินทาง (Passport) สำหรับบุคลอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์

  1. บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ หรือบัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวงมหาดไทย
  2. หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านการรับรองจากอำเภอหรือเขต และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
  3. เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น 

หากสงสัยว่าต้องใช้เวลากี่วันเราถึงจะได้เล่มหนังสือเดินทาง (Passport)

ระยะเวลาในการออกเล่มหนังสือเดินทาง (Passport) จะขึ้นอยู่กับสถานที่ไปทำ และวิธีการรับดังนี้

  1. ยื่นที่กรมการกงสุลจะได้รับภายใน 2 วันทำการ รับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ
  2. ยื่นที่สำนักงานสาขาในกรุงเทพฯ (ปิ่นเกล้าและบางนา) จะได้รับภายใน 2 วันทำการ ไม่นับวันยื่นคำร้อง ทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ

       3. ยื่นคำร้องที่สำนักงานสาขาในต่างจังหวัดจัดส่งทางไปรษณีย์ (ในเขตเมือง) จะได้รับภายใน 5 วันทำการ
** สำหรับผู้ขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำให้มารับเล่มด้วยตนเอง เพื่อให้มีความคุ้นเคยกับการใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ
** หากไม่สามารถไปรับได้เอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทนได้
     ถ้าท่านมีความจำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทาง (Passport) อย่างเร่งด่วนท่านก็สามารถเลือกทำหนังสือเดินทาง (Passport) แบบเร่งด่วนได้ โดยแบ่งเป็นรับภายในวันที่ยื่นเรื่องมีค่ารับในวันถัดไปที่ยื่นเรื่อง ซึ่งก็จะมีค่าธรรมเนียมต่างกันไป และมีให้บริการเฉพาะที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ เท่านั้น จำกัดโควต้าการให้บริการ รวมกันวันละไม่เกิน 400 เล่มเท่านั้น


2. วีซ่า (Visa) คือ หลักฐานในการอนุญาตให้เข้าประเทศสำหรับคนที่ไม่ได้มีสัญชาติของประเทศนั้น ออกโดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศในประเทศนั้นๆ หรือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเมื่อได้รับอนุญาต ก็จะมีประทับตราหรือติดกระดาษสติ๊กเกอร์ในหนังสือเดินทาง (Passport) ทั้งนี้ บางประเทศก็มีข้อยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าระหว่างประเทศ แต่จะมีกำหนดระยะเวลาว่าให้อยู่ได้ไม่เกินกี่วันตามเงื่อนไขในประเทศนั้นๆ

ประเภทและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทต่างๆ ของวีซ่า มี 7 ประเภท

ประเภทการตรวจลงตรา (วีซ่า) ชื่อภาษาอังกฤษ (ชื่อย่อ) อายุวีซ่า

ระยะเวลาที่อยู่ประเทศไทย

ค่าธรรมเนียมวีซ่า
1. คนเดินทางผ่านราชอาณาจักร   Transit Visa (Visa-TS) 3 เดือน 30 วัน/ครั้ง 800 บาท
2. นักท่องเที่ยว Tourist Visa (Visa-TR) 3-6 เดือน 60 วัน/ครั้ง 1,000 บาท
3. คนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa (Non-Imm Visa) 3 เดือน-1 ปี

90 วัน/ครั้ง

Single Entry 2,000 บาท

Multiple Entry 5,000 บาท

4. ทูต Diplomatic Visa (ไม่มีตัวย่อ) - 90 วัน/ครั้ง ยกเว้นค่าธรรมเนียม
5. ราชการ Official Visa (ไม่มีตัวย่อ) - 90 วัน/ครั้ง ยกเว้นค่าธรรมเนียม
6. อัธยาศัยไมตรี Courtesy Visa (ไม่มีตัวย่อ) 3-6 เดือน 90 วัน/ครั้ง ยกเว้นค่าธรรมเนียม

7. คนอยู่ชั่วคราว ระยะยาว 1 ปี

Non-Immigrant Visa Long Stay (Non-Visa O to A) 1 ปี 90 วัน/ครั้ง 5,000 บาท

เฉพาะประเภทการตรวจลงตราวีซ่า คนอยู่ชั่วคราว (Non-Imm Visa) ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 10 ลักษณะ

Non-Visa แต่ละประเภท      รหัส                ชื่อย่อ          
1. การปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ  Visa Non-F
2. การติดต่อหรือประกอบธุรกิจ และการทำงาน Visa Non-B
3. การลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง IM Visa Non-IM
4. การลงทุนหรือการอื่นภายใต้ข้อบังคับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน  IB Visa Non-IB
5. การศึกษา ดูงาน และฝึกอบรมต่างๆ ED Visa Non-ED
6. การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน M Visa Non-M
7. การเผยแผ่ศาสนาที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ    R Visa Non-R
8. การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์หรือฝึกสอนในสถาบันการค้นคว้า หรือสถาบันการศึกษาในราชอาณาจักร      RS Visa Non-RS
9. การปฏิบัติงานด้านช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ EX Visa Non-EX
10. การอื่น O Visa Non-O

การดำเนินการขอวีซ่า 

นำหนังสืออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราจากกระทรวงการต่างประเทศ ไปยังสถานทูตนั้นๆ พร้อมเอกสาร ดังนี้
       1. หนังสือเดินทางเล่มจริง
       2. แบบฟอร์มวีซ่า
       3. หนังสือตอบรับ / หนังสือเชิญ รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 1-2 รูป ขึ้นอยู่กับสถานทูตนั้นๆ
       4. ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า

*** จากข้างต้นจะเห็นว่านอกจากวีซ่า (Visa) และหนังสือเดินทาง (Passport)ยังมีหนังสือที่เกี่ยวข้องอีกคือ หนังสือเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราถือเป็นเอกสารสำคัญที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางไปราชการต่างประเทศ ยื่นขอการตรวจลงตรา (Visa) ณ สถานทูตประเทศที่ประสงค์จะเดินทาง ออกโดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และงานวิเทศสัมพันธ์ จะเป็นผู้ออกหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ แบ่งเป็นกรณีต่างๆดังนี้

  1. หนังสือเดินทางราชการยังไม่หมดอายุ หรือมีอายุเกิน 6 เดือน นับถึงวันที่จะเดินทางไปราชการต่างประเทศ
  2. หนังสือเดินทางราชการหมดอายุ จะดำเนินการพร้อมกับการต่ออายุหนังสือเดินทางราชการ ยังไม่มีหนังสือเดินทางราชการ จะดำเนินการพร้อมกับการขอหนังสือเดินทางราชการใหม่ ซึ่งในการดำเนินการขอหนังสือเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
    1. สำเนาหนังสือขออนุมัติการไปราชการต่างประเทศ
    2. หนังสือเชิญ / หนังสือตอบรับ
    3. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าที่มีรูปถ่ายและหน้าที่บอกวันหมดอายุ พร้อมสำเนาถูกต้อง (ในกรณีที่หนังสือเดินทางราชการมีอายุเกิน 6 เดือน)

3. ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) คือ ใบอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจ หรืออาชีพลูกจ้างได้ ออกโดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ซึ่งการอนุญาตให้ทำงานได้นั้นเงื่อนไขจะต้องตรงตามเกณฑ์ที่กรมการจัดหางานกำหนดและยื่นเอกสารอย่างครบถ้วนถูกต้อง โดยจะได้รับหนังสือแจ้งผลภายใน 3 วันทำการ และอายุใบอนุญาต อยู่ที่ประมาณ 3 เดือน - 1 ปี ทั้งนี้ นายจ้างจะต้องแจ้งเข้าทำงานภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบผลอนุญาตด้วย

การทำงานในรูปแบบลูกจ้างนั้น ต้องยื่นแจ้งประเภทของกิจการ/นายจ้างให้ถูกต้องด้วย ซึ่งมีการแยกนายจ้างออกเป็น 5 ประเภท

1. สถานประกอบการเอกชน
2. โรงเรียนเอกชน / มหาวิทยาลัยเอกชน
3. หน่วยงานราชการ
4. มูลนิธิหรือสมาคม
5. กิจการถ่ายหรือทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ

อัตราค่าธรรมเนียมในการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ก็จะแตกต่างกันไปตามการยื่นคำขอ แบ่งได้ดังนี้

  1. ใบอนุญาต
    อายุไม่เกินสามเดือน
    อายุเกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน
    อายุเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี
  2. การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงาน
    ไม่เกินสามเดือน
    เกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน
    เกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี
  3. ใบแทนใบอนุญาต
  4. การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มลักษณะงาน
  5. การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้าง
  6. การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มท้องที่หรือสถานที่ทำงาน
  7. การอนุญาตให้เปลี่ยนหรือเพิ่มเงื่อนไขในการอนุญาต 

เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนนี้ทุกคนหายงงหรือสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะ?
แต่ถ้ายังไม่หายข้องใจ หลังไมค์กับ Wonderful Package ได้เลยนะคะ ทางเรายินดีให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดเวลาค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก

ยื่นขอ work permit ไม่ใช่เรื่องยาก คลิกเลย


Let's get to know the names about Passport, Visa and Work Permit

先来了解有关护照,签证,工作许可证的各种名称

แชร์ บทความนี้

พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้

RELATED PRODUCTS

เนื้อหา ที่เกี่ยวข้อง

แจกพิกัด 10 ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้เปิดใหม่ ที่คุณอาจจะยังไม่เคยไป

เซี่ยงไฮ้ เมืองแห่งความทันสมัยที่ไม่หยุดพัฒนา โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้ใหม่ๆ ที่น่าสนใจก็ผุดขึ้นมาทุกปีๆ คุณอาจจะเคยไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้มาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ายังมีที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้อีกมากที่คุณยังตามเก็บไม่หมด เพราะยังมีที่เที่ยวใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจอีกมากมาย สำหรับที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้เปิดใหม่ที่น่าสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีอะไรบ้างนั้น เราลิสต์มาไว้ให้แล้ว

เที่ยวลี่เจียง แบบ Seniors friendly คนสูงวัยไปได้สบาย

เคยได้ยินว่าลี่เจียงไปลำบาก ไม่ง่ายใช่มั้ย แต่นี่คือ...ลี่เจียง ที่ออกแบบมาเพื่อให้คนสูงวัยเดินทางได้???? เที่ยวครบ สะดวกสบายพร้อมการดูแลที่อบอุ่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง พร้อมท่องเที่ยวได้อย่างอุ่นใจและไร้กังวล แนะนำการเดินทางเที่ยวลี่เจียง ในรูปแบบที่คนสูงวัยไปได้สบาย

เที่ยวปักกิ่ง ตามเก็บไฮไลท์ดัง พร้อมเช็คอินมุมใหม่ต้องไปโดน

ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ที่ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวมือใหม่หรือผู้ที่เคยไปมาแล้ว ต่างก็หลงรักในเสน่ห์ของเมืองนี้ ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความทันสมัย วันนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวปักกิ่ง ตามเก็บไฮไลท์สำคัญๆ ของปักกิ่ง พร้อมแนะนำมุมใหม่ๆ ที่คุณต้องตามไปเช็คอิน

แนะนำ 10 ที่เที่ยวกวางโจว ที่ไม่ได้มีแค่งานแฟร์

ถ้าหากจะพูดถึง กวางโจว เราคงรู้จักกันดีในฐานะเมืองแห่งการจัดงานแฟร์นานาชาติอย่าง Canton Fair นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวกวางโจวหลากหลายที่ควรไปสัมผัส หากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวกวางโจวที่ไม่ใช่แค่งานแฟร์ ลองตามไปดู 10 สถานที่เที่ยวกวางโจวที่น่าเที่ยวมากๆ

เที่ยวจีนแบบมือโปร! รู้ระดับความสูงของภูเขาจีนสวยๆ ก่อนลุย

เที่ยวจีนยังไงให้โปร ถ้าใครกำลังแพลนไปจีน นอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องตั๋วเครื่องบิน และที่พักแล้ว แอบกระซิบว่าอย่าลืมเช็ก “ความสูง” ของภูเขาจีนสวยๆ แต่ละที่เที่ยวก่อนนะ ยิ่งสูงยิ่งสวย แต่ยิ่งขึ้นสูงเท่าไหร่ อาการแพ้ความสูงก็อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ย้อมแดงไปทั้งเมือง กู๋เป่ยสุ่ยเจิ้น เมืองโบราณยามใบไม้เปลี่ยนสี

แดงทั่วทั้งเมืองกู๋เป่ยสุ่ยเจิ้น เมืองโบราณเล็กๆ น่ารักๆ อยู่ไม่ไกลจากปักกิ่งมากนัก ที่นี่มีเสน่ห์ตรงที่เป็นเมืองโบราณริมน้ำ มีกำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถที่ว่ากันว่าสวยที่สุดอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญคือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะบรรยากาศดีมากกกกกกก

ลุยงานกวางเจาแฟร์ ครั้งที่ 136 กับ 7 ข้อที่นักปั้นแบรนด์ไม่ควรพลาด!

อยากปั้นแบรนด์ให้ติดตลาด ยอดขายพุ่ง มีกลยุทธ์ที่ใช่ก็ยังไม่พอ! คุณต้องรู้จักแหล่งข้อมูลและสินค้าให้ดีด้วยนะ สำหรับใครที่ตั้งเป้าหมายอยากทำแบรนด์ของตัวเอง เป็นอายุน้อยร้อยล้านคนต่อไป ลองไปดูงาน กวางเจาแฟร์ ครั้งที่ 136 ดูสิ!

ชีวิตนี้ต้องไป! 7 ที่เที่ยวจีน 5A วิวสวยสุดตะลึง

เที่ยวจีน ต้องเห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่จีน เพราะมันใหญ่มาก กับสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ระดับ 5A ชีวิตนี้ต้องไป! 7 ที่เที่ยวจีน 5A วิวสวยสุดตะลึง ที่คนรักการท่องเที่ยวธรรมชาติไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

10 เหตุผล ทำไมคุณถึงควรไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้

การไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ จะได้รับประสบการณ์การเดินทางของเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและความหลากหลายของทั้งวัฒนธรรมเก่าแก่และความทันสมัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัย อาหารที่โดดเด่น และชีวิตกลางคืนที่น่าตื่นเต้น จึงไม่แปลกใจเลยที่การไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครๆ ก็ต้องอยากมาเยือนสักครั้ง

เที่ยวเฉิงตูเมืองแห่งความสุขของจีน ดื่ม กิน ฟินไปกับวัฒนธรรมเต็มๆ

ไปจีนวันนี้ ไม่ใช่แค่เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง แต่ต้องไปให้ถึง เที่ยวเฉิงตู (Chengdu) เมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของจีน ใจกลางมณฑลเสฉวนของจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่อง หมีแพนด้าน่ารักๆ ที่เราคุ้นเคย แต่รู้หรือไม่ว่า ที่นี่ยังเป็น เมืองแห่งความสุข ของจีนด้วยนะ!

บทความที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ลงทะเบียนรับข่าวสาร WonderfulPackage วันนี้!

รับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย เหนือกว่าใคร!