สรุปการเดินทาง

 อัตราค่าบริการ (ราคารวมตั๋วเครื่องบิน 4 เที่ยวบิน)
กำหนดการเดินทาง
กันยายน - ตุลาคม 2567

*หมายเหตุ : 

• กรุณาเช็คที่นั่งว่างกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
• ค่าไกด์ท้องถิ่นอินเดีย และพนักงานขับรถ ลูกค้า 1 ท่านละ 50 USD/ท่าน/ตลอดรายการ
  
  

แพลนการเดินทาง 

วันแรก :: กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรภูมิ) - กรุงเดลี(สนามบินอินทิราคานธีร์) - ต่อเที่ยวบินเดินทางสู่สนามบิน เลห์

• 15.30 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 10 เคาเตอร์ W โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คกระเป๋าสัมภาระ และเช็คอินบัตรที่นั่งตั๋วเครื่องบินให้กับท่าน 
• 17.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI-333 
• 20.50 น. ถึง สนามบินนานาชาติอินทราคานธี กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ** รอต่อเที่ยวบิน เพื่อเดินทางสู่เมือง เลห์ ** 

• คณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เดินทางไปที่ สนามบินภายในประเทศ (โดยมีเจ้าหน้าที่อินเดียคอยบริการ) 
• 04.55 น. ออกเดินทางสู่ เลห์ โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI-477 (เวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่าน)

วันที่สอง :: เลห์ (สนามบิน เลห์) - โรงแรม (เข้าพักผ่อน เพื่อท่านปรับตัว) - บ่ายชมเมืองเลห์ - พระราชวังเลห์ - ช้อปปิ้งสินค้าตลาดพื้นเมืองเลห์

• 06.20 น. ถึงสนามบิน Kushok Bakula Rimpochee Airport เมืองเลห์ เมืองที่ราบสูงมีแม่น้ำสินธุไหลผ่าน คณะรับการะเป๋า สัมภาระเรียบร้อย ไกด์ท้องถิ่นอินเดีย ชูป้ายต้อนรับ “ WONDERFUL PACKAGE ”  พร้อมนำท่านเข้าสู่ตัวเมือง เลห์

ให้ท่านได้พักผ่อนเพื่อปรับสภาพ ที่นี่อากาศจะเบาบาง เนื่องจากเมืองเลห์อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3,400 – 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ที่สูงแนะนำให้ดื่มน้ำบ่อยๆ เพราะอากาศค่อนข้างแห้งและเบาบางทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย

ชมเมืองเลห์ (Leh) เมืองหลวงของแคว้นลาดักห์ มีอีกชื่อคือ ทิเบตน้อย (Little Tibet) วัฒนธรรมส่วนใหญ่จะเข้ามาจากทิเบต เลห์เป็นเมืองเล็กๆ อยู่กลางหุบเขา ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตแบบช้าๆ อยู่กับธรรมชาติใช้ชีวิตที่เรียบง่าย

พระราชวังเลห์ (Leh Palace) ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากจัตุรัสกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 9 ชั้น ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่ง ดาลักห์

ถนนเมนบาซาร์ เป็นถนนหลักที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเป็นศูนย์กลางการค้าขาย ถนนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะจุดช้อปปิ้งที่สำคัญและมีร้านค้ามากมายที่ขายของพื้นเมือง อาทิ ผ้าแคชเมียร์ งานฝีมือ ผ้าพันคอ เสื้อผ้าทอมือ รวมถึงของที่ระลึกต่างๆ

วันที่สาม :: เลห์ - วัดธิคเซย์ (วัดโปตาลาน้อยแห่งดาลักห์) - วัดเฮมิส - หิมาลายัน มาร์มอต

วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) เป็นวัดลามะนิกายหมวกเหลือง อายุราวๆ 700 ปี ตั้งอยู่ฝั่งเหนือของแม่น้ำสินธุ เป็นพระอารามใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขากลางทุ่งราบ ฉาบด้วยสีแดงและขาวเรียงรายลดหลั่นตามเนินเขานับร้อยหลัง มีกุฏิรายล้อมอยู่รอบอารามหลักสูง 12 ชั้น ภายในอารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปของพระศรีอริยเมตไตรย ที่สวยที่สุดในลาดักห์ พระพุทธรูปอนาคตตามความเชื่อของทิเบต โดยวัดแห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับพระราชวังโปตาลา (Potala Palace) จนได้รับฉายาว่า Mini Potala โปตาลาน้อยแห่งดาลักห์

วัดเฮมิส (Hemis Gompa) วัดลามะนิกายหมวกแดง หรือ นิกายนิงห์มาปา ซึ่งเป็นนิกายดั้งเดิมของศาสนาพุทธสายทิเบต วัดเฮมิส ตั้งอยู่ระห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 45 กิโลเมตร เลาะเลียบแม่น้ำสินธุลงไปทางใต้ เป็นวัดโบราณที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในลาดักห์ ถูกสร้างขึ้นในพุทธ ศตวรรษที่ 17 โดยพระเจ้าเซงกี โดยกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลาดักห์

เดินทางกลับสู่เมืองเลห์ ระหว่างทาง แวะถ่ายรูปกับ หิมาลายัน มาร์มอต (Himalayan Marmot) มาร์มอตแห่งเทือกเขาหิมาลัย ตัวน้อยที่น่ารัก ถ้าโชคดีท่านอาจจะเห็นออกมาเป็นคู่ โดยมาร์มอตเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับกระรอก ที่ขุดใต้ดินไว้เป็นอาณาจักรส่วนตัว และความน่ารักของเจ้าตัวน้อย จะวิ่งเข้ามาทักทายท่าน ไต่ขึ้นมาบนไหล่ หรือตามตัว ในช่วงฤดูหนาวเจ้ามาร์มอตจะจำศีล และอยู่ได้ด้วยพลังงานที่เก็บไว้ในร่างกาย

วันที่สี่ :: เลห์ - คาร์ดุง ลา พาส ( Khardung La Pass) - ถนนสูงที่ในโลก - นูบร้าวัลเลย์ - ขี่อูฐ (รวมค่าขี่อูฐ) - วัดเดสกิต

ถนนคาร์ดุงลา พาส (Khardung La Pass) ถนนที่ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางถนนที่สูงที่สุดในโลก และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในดาลักห์ สวยจนแทบหยุดหายใจ หนึ่งไฮไลท์ของดาลักห์ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง จากจุดนี้สามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในประเทศปากีสถานได้เลย นั่งรถขึ้นเขาไต่ระดับไปเรื่อยๆ จนถึงที่สูงที่สุดบนเส้นทางนี้ ให้ท่านถ่ายรูปเช็คอินคู่กับป้ายอดีตทางผ่านสำหรับยานยนต์ที่สูงที่สุดในโลก (ปัจจุบันคือ Umling La Ladakh ) เราจะอยู่ตรงจุดนี้ได้ไม่นาน เพราะอากาศที่เบาบางอาจทำให้แพ้อากาศความสูง และไม่สบายได้

นูบร้าวัลเล่ย์ (Nubra Valley) ชม ทะเลทรายสีเงินแห่งหุบเขานูบร้า เนื้อทรายสีขาวละเอียดมองไปได้สุดลูกหูลูกตา โอบล้อมด้วยภูเขาใหญ่หลายลูก และให้ท่านได้เปิดประสบการณ์ “ขี่อูฐนูบร้า” เพลิดเพลินเที่ยวชมและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งเคยมาเยือนที่นี่แล้ว

วัดดิสกิต (Diskit Monastery) เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบร้า มีการสร้างพระพุทธรูป พระศรีอริยเมตไตรย ขนาดใหญ่มหึมา ประดิษฐานอยู่บนยอดเนิน ท่านสามารถมองเห็นได้ทุกทิศทางในหุบเขา ภายในวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณ “กงล้อแห่งชีวิต” หรือ Wheel Of Life ความหมาย การเวียนว่าย เกิด แก่ เจ็บ ตาย

วันที่ห้า :: นูบร้าวัลเลย์ - ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) - ถนน ซาง ลา (Chang La Pass) - เมืองเลห์

ทะเลสาบพันกอง (Pangong Tso) เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำเค็มในเทือกเขาหิมาลัยที่ตั้งอยู่ที่สูงที่สุดในโลก และเป็นทะเลสาบที่มีความกว้างใหญ่มาก ซึ่งมีขนาดมากกว่าครึ่งที่กินอาณาบริเวณไปถึงเขตแดนทิเบต เส้นทางที่จะไปทะเลสาบจะต้องผ่าน Chang La Pass ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เส้นทางรถยนต์ซึ่งอยู่สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ตลอดเส้นทางมีวิวที่สวยงาม ให้ท่านถ่ายรูปกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบพันกองนี้มีสีสันที่สวยงามมากโดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในช่วงเช้าจะมีสีอ่อนกว่า

วันที่หก :: เลห์ - วัดลิ คีร์(วัดนาคขด) - ช้อปปิ้งตลาดเลห์ มาร์เก็ต (Leh Market)

วัด ลิคีร์ (Likir Monastery) หรือเรียกว่า วัดกูลคิล หมายความว่า “พญานาคขด” เพราะลักษณะของภูเขาเป็นแบบนี้ ชาวพุทธที่นี่เชื่อถือว่าวัดนี้ได้รับการปกป้องจากพญางู 2 องค์ คือนันทะ และ ตักศกะ จุดเด่นของวัดนี้คือ รูปพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ความสูง 84 ฟุต ทำจากคอนกรีต แล้วทาสีทับบนองค์พระ ภายในมีพระพุทธรูป มีรูปพระโมคลัลานะและพระสารีบุตร รูปพระศรีอริยเมตไตรย

เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) เจดีย์ทรงสีขาวโดม ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน Changspa ในเมืองเลห์ ที่นี่ถือเป็นสัญญาลักษณ์แห่งสันติภาพและเป็นการฉลองครบรอบ 2,500 ปีของศาสนาพุทธ เจดีย์นี้สร้างโดยองค์กรพุทธศาสนนิกชนญี่ปุ่น เพื่อประกาศสันติภาพ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15

ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเมืองเลห์ ที่ตลาดเลห์ มาร์เก็ต (Leh Market) ที่มีของฝากพื้นเมืองมากมาย ให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

คืนนี้--ทุกท่านกรุณาจัดกระเป๋าเดินทางของท่านให้เรียบร้อย เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ

วันที่เจ็ด :: เลห์(สนามบินเลห์ ดาลักห์) - กรุงเดลี(สนามบินอินทิราคานธีร์) - กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรภูมิ)

• 06.55 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเดลี โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI-478 
• 08.20 น. ถึง สนามบินอินทิราคานธี(กรุงเดลี) *** รอต่อเที่ยวบิน เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ***

• 11.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI-336 
• 16.55 น. เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ