เวนิส (Venice) เมืองแห่งสายน้ำ มนต์เสน่ห์ อิตาลี
“ในที่สุดก็นำทุกท่านมาถึงเมืองเวนิส” ลองเปรียบเทียบเอาเองว่ากรุงเทพฯ คือเวนิสตะวันออกจริงหรือไม่ เมืองเวนิสเป็นเกาะครับ อยู่ออกไปในทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) มีถนนและรางรถไฟจากแผ่นดินใหญ่ไปถึงเกาะแล้วจอด ไปต่อไม่ได้เพราะไม่มีถนนให้รถวิ่ง ผู้คนสัญจรโดยทางน้ำหรือเดินเท่านั้นครับ จริงๆ เวนิสประกอบด้วยเกาะเล็กๆ ประกอบกันขึ้นเป็นลากูน (lagoon) ผืนน้ำที่คั่นระหว่างเกาะต่างๆ ก็คือสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นคลองนั่นแหละ เขาทำสะพานเชื่อมถึงกันจนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพื้นดินทั้งหลายนั้นแท้จริงแล้วเป็นเกาะใหญ่น้อยมาร้อยรวมกันเสมือนผ้าผืนใหญ่ที่อยู่กลางน้ำ
เมื่อออกจากสถานีรถไฟ จะเห็นคลองใหญ่ที่ผ่ากลางเมืองเวนิสเรียกว่า Grand Canal หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้ ”
ที่เมืองนี้จะมีบริการเรือเมล์ คล้าย ๆ เรือด่วนเจ้าพระยาบ้านเรา มีหลายอัตรา เที่ยวเดียว 6 ยูโร ถ้าเป็นแบบกี่เที่ยวก็ได้ภายใน 12 ชั่วโมงราคา 13 ยูโร มีอัตราแบบ 24 ชม. 48 ชม. 72 ชม. ด้วย แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นเลย ส่วนใหญ่จะเดินเท้าเอาซะมากกว่า
ใครพาแฟนไปก็อาจจะนั่งเรือกอนโดลาที่สุดแสนจะโรแมนติก ยังไม่อยากบอกราคาค่าเช่าเดี๋ยวความโรแมนติกจะหายหมดก่อน
เรือลำนึงนั่งได้ 6 คน จะนั่งจู๋จี๋กับแฟนสองต่อสอง หรือจะนั่งกันเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็ได้ ราคาเดียวกัน 1 ชั่วโมง 83 ยูโร ไป 6 คน ก็ตกคนละ 14 ยูโร ก็โอเคนะ
แต่อาจจะไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่
สะพานที่สวยที่สุดและโด่งดังที่สุดชื่อ“ สะพานรีอัลโต้ (Ponte di Rialto) ” สองข้างทางขึ้นเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกน่าซื้อเต็มไปหมด มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้นั่งเล่นชมวิว ของทุกอย่างในเวนิสแพงระยิบเลยครับ
“ มหาวิหารและจตุรัสซานมาร์โก้ (San Marco) ” ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ อาหรับ โรมันเนสก์ เรอเนซองซ์ เข้าไว้ด้วยกัน มียอดโดมแบบอาหรับ ในมหาวิหารนี้เชื่อว่าบรรจุศพของเซนต์มาร์ก (หรือที่ชาวแคทอลิกในเมืองไทยรู้จักในนามว่ามาระโกผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับพันธสัญญาใหม่บทที่ 3) ที่ (เชื่อกันอีกว่า) ชาวเวนิสไปโขมยมาจากเมืองอเลกซานเดรีย ประเทศอียิปต์
มีคำเตือนนิดหน่อยเกี่ยวกับเข้าไปในโบสถ์แห่งนี้ เขาไม่อนุญาตให้นำเป้หรือกระเป๋าเข้าไปภายในโบสถ์ อาจจะกลัวเราไปหยิบฉวยของมีค่าใส่กระเป๋า เขาจะมีที่ฝากของได้ ให้ไปฝากของก่อนแล้วค่อยมาเข้าแถว หากไม่ทราบไปยืนเสียเวลาเข้าแถวตั้งนานจนถึงคราวที่จะเดินเข้าประตู ก็จะถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้ไปฝากของก่อนแล้วกลับมาต่อแถวใหม่ เสียเวลาสองต่อ
อาคารข้าง ๆ มหาวิหารซานมาร์โก้ที่เห็นในรูปข้างบนและรูปนี้เป็นที่ทำการของเมือง เป็นที่บริหารกิจการงานเมือง ชื่อว่า “ พาลัซโซดูคาเล (Palazzo Ducale) ”
มีตึกในเมืองไทยตึกหนึ่งที่สร้างตามศิลปะแบบเวนิสดังที่เห็นในรูปนี้ นึกออกไหมครับ ถ้านึกไม่ออกก็ตามไปดูที่นี่ได้
สถานที่ท่องเที่ยวของเวนิส อิตาลี
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้