อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็น
ออนเซ็นมีกี่ประเภทนะ..มาดูกัน
ล้าจากงาน เกร็งขาเวลายืนบนบีทีเอส ตามไปผ่อนคลายแบบ "เดอะเบส" ที่ออนเซ็นกันดีกว่า ไปอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนให้ตัวเปื่อย เผื่อจะหายเหนื่อยไปได้บ้าง แต่เอ๊ะ! จะไปแช่ออนเซ็นแบบไหนดีน้า ลองไปรู้จักประเภทออนเซ็นแช่น้ำอุ่นๆ กันก่อนดีกว่า
ออนเซ็นกำมะถัน (Sulphur Hot Springs)
เป็นออนเซ็นที่มีมากที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่แถบภูเขา สังเกตได้จากกลิ่นฉุน แต่บางแห่งก็กลิ่นไม่ได้แรงเลยค่ะ ออนเซ็นกำมะถันที่นิยมไปแช่กันก็เช่น Shiobara Onsen จังหวัด Tochigi และ Unzen Onsen จังหวัด Nagasaki
คุณสมบัติ: ช่วยทำให้ผิวนุ่มและช่วยบรรเทาอาการผิวหนังที่มีผดผื่นคัน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ, โรคเบาหวาน, โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง, โรคความดันโลหิตสูงได้อีกด้วยนะ
สรรพคุณเยอะจริงๆ เลย แต่สำหรับคนที่ผิวบอบบาง น้ำแร่กำมะถันอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรแช่นานเกินไปนะจ๊ะ
ออนเซ็นไร้สีไร้กลิ่น (Colorless, Odorless Hot Springs)
นี่แหละออนเซ็นที่โปรดปราน จะแช่ออนเซ็นทั้งทีจะให้มีกลิ่นกวนใจได้ยังไงจริงมั้ย ออนเซ็นแบบนี้เหมาะกับมือใหม่หัดแช่ออนเซ็นอย่างเรามากๆ เพราะน้ำแร่จะมีความอ่อนโยนต่อผิว และยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและระบบประสาทต่างๆอีกด้วย เช่น Kinugawa Onsen จังหวัด Tochigi, Hakone Onsen จังหวัด Kanagawa และ Dogo Onsen จังหวัด Ehime
แอบกระซิบว่า Dogo Onsen ถือเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยนะ มีประวัติยาวนานถึง 3,000 ปี!!! ในส่วนของตึกหลัก (Dogo Onsen Honkan) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของออนเซ็นแห่งนี้ มีโรงอาบน้ำสาธารณะที่เหมือนปราสาท 3 ชั้น และยังถูกใช้เป็นต้นแบบโรงอาบน้ำในฉากภาพยนตร์อะนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น Spirited Away อีกด้วยนะ!
คุณสมบัติ: บรรเทาอาการปวดหลังและระบบประสาทต่างๆ
ออนเซ็นไฮโดรเจนคาร์บอเนต (Hydrogen Carbonate Hot Springs)
ลักษณะเด่นที่สังเกตได้ง่ายๆ ก็คือ จะมีไอน้ำผุดขึ้นมาทุกๆ นาที เป็นน้ำพุร้อนนั่นเอง เนื่องมาจากแหล่งน้ำแร่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำนั้นมีความร้อนสูงถึง 98 องศา!! (แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ น้ำแร่ที่เราแช่ไม่ร้อนขนาดนั้นค่ะ ไม่งั้นเราคงสุกก่อนแน่) ขณะแช่น้ำ คุณจะพบกับฟองสบู่ขนาดเล็กจำนวนมากที่ผสานเข้ากับผิวของคุณเลยค่ะ ถือได้ว่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะ
คุณสมบัติ: ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลอุณหภูมิของร่างกายได้อีกด้วย
ออนเซ็นแบบนี้เหมาะกับคนที่เป็นโรคไขข้อ, โรคความดันทุรังสูง ไม่ช่ายยย โรคความดันสูงค่ะ เช่น Tamagawa Onsen จังหวัด Akita ซึ่งบริเวณออนเซ็นที่นี่ยังมีชื่อเสียงมากในด้านการรักษาโรคมะเร็งอีกด้วย เพราะมีหินแร่ธาตุกัมมันตรังสีที่หายากมาก เรียกว่า Hokutolite เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้!! ทำให้มีผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วญี่ปุ่นเดินทางมานอนแช่ออนเซ็นบนหินพิเศษชนิดนี้กันเป็นจำนวนมากครั้งละหลายชั่วโมงเลยทีเดียว (ว่ากันว่าเปอร์เซ็นต์ของแขกที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่มาด้วยเรื่องสุขภาพเป็นหลักมากกว่าการมาเพื่อพักผ่อนเลยนะ)
ออนเซ็นคลอไรด์ (Chloride Hot Springs)
แบ่งออกได้เป็นอีก 3 ชนิดตามส่วนประกอบ คือ เกลือ, แคลเซียม และแมกนีเซียม เนื่องจากญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ จึงมีออนเซ็นคลอไรด์ชนิดเกลือมาก สำหรับคนขี้หนาวควรแช่ออนเซ็นชนิดนี้ค่ะ ออนเซ็นแบบนี้พบได้ที่ Jozankei Onsen จังหวัด Hokkaido และ Yugawara Onsen จังหวัด Kanagawa เป็นต้น
คุณสมบัติ: ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น เหมาะสำหรับคนที่มักจะมือเท้าเย็นบ่อยๆ และคนที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะภายในของสตรี เช่น มดลูกเย็น เป็นต้น หรือคนที่ต้องการความอบอุ่นเป็นพิเศษก็ไปแช่ได้นะจ๊ะ อิอิ
ออนเซ็นกรด (Acidic Springs)
อย่าเพิ่งตกใจ ออนเซ็นกรด คือมีฤทธิ์เป็นกรด แต่ไม่ใช่น้ำกรดนะจ๊ะ ซึ่งจะพบมากในเขตที่ราบสูงแถบภูเขาไฟของญี่ปุ่น สามารถหาแช่ออนเซ็นแบบนี้ได้ที่ Zao Onsen จังหวัด Yamagata และ Minakami Onsen จังหวัด Gunma
คุณสมบัติ: ช่วยกระตุ้นการต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะช่วยรักษาบาดแผลได้ และยังช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคน้ำกัดเท้า, โรคผิวหนังอักเสบ เป็นต้น แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่ายนะคะ อาจระคายเคืองผิวได้
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับชนิดของออนเซ็นที่นำมาฝากกัน เพราะออนเซ็นไม่ได้เพียงแต่ช่วยผ่อนคลาย แร่ธาตุต่างๆ ในออนเซ็นยังช่วยรักษาโรคได้อีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นเค้าชอบแช่ออนเซ็นกัน ว่าแต่เราจะไปแช่บ่อไหนก่อนดีนะ เลือกที่เหมาะกับเราแล้วหาที่แช่ออนเซ็นอุ่นๆ ที่่ญี่ปุ่นกันเถอะ
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้