วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)
วัดนันเซ็นจิ มีประตูทางเข้าวัดหลังใหญ่ มีชื่อว่าประตูซันมง (Sanmon) สร้างจากไม้ต้นใหญ่ๆทั้งต้น หากอยากขึ้นชมข้างบนประตูใหญ่นี้ต้องเสียค่าเข้าชม 500 เยน ประตูนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2171
ภายในบริเวณวัดจะเห็นสะพานก่ออิฐขนาดใหญ่ทอดผ่าน เป็นสะพานที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวา (Lake Biwa) เพื่อนำน้ำมาอุปโภคบริโภคในอดีต
เดิมทีวัดนันเซ็นจิ เป็นวังที่ประทับของจักรพรรดิคะเมะยามะหลังสละราชสมบัติในปี พ.ศ. 1817 ทรงเลื่อมใสในการนั่งกรรมฐาน จึงได้ยกวังให้สร้างเป็นวัดนันเซ็นจิ เมื่อปี พ.ศ. 1834และใช้เป็นที่ทำการใหญ่ของนิกายรินไซ ในอีกไม่กี่ปีต่อมาบริเวณศาลา Seiryo – den เป็นที่อาคารหลักของวัด มีชื่อเสียงในเรื่องการตกแต่งสวนหินที่สวยงามประตูบนศาลา เป็นแบบประตูบานเลื่อน (Fusuma) ที่มีลวดลายสวยงามเช่นเดียวกัน
เดินเลียบคลองจากทางเข้าวัดนันเซ็นจิมาทางททิศตะวันตก มีบริการล่องเรือชมบรรยากาศสองฝั่งคลองด้วย เรือที่ให้บริการเมื่อจะลอดใต้สะพาน สักพักจึงเห็นเสาโทริอิสีแดงอันใหญ่ตั้งขวางถนนอยู่ใหญ่โตกว่าเสาโทริอิของศาลเจ้าในญี่ปุ่น ริมซ้ายมือนั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เกียวโต (National Museum of Modern Art of Kyoto)ส่วนด้านขวามือเป็น พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว (Kyoto Municipital Museum of Art)
Cr. www.okazakinet.com
เมื่อเดินผ่านประตูศาลเจ้าเข้าไป มีลานหินกรวดสีขาวกว้างตรงด้านหน้าของอาคารศาลเจ้าด้านขวามือมีถังหมักเหล้าสาเกบูชาเทพเจ้าเหมือนศาลเจ้าอื่นๆ แต่ที่ทำให้สะดุดตานั้นก็คือเจดีย์มังกรฟ้าและเจดีย์พยัคฆ์ขาว สร้างจากไม้ทาสีส้มแดงหลังคาสีเขียวตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายและขวาของอาคารศาลเจ้านั้นสวยเด่นงามตายิ่งนัก ด้านขวามือเป็นทางเข้าชมสวนของศาลเจ้าที่ออกแบบได้สวยงามทั้งสะพานจีน บันไดหินและบึงน้ำใหญ่ ส่วนนี้นี้ต้องเสียค่าเข้าชม
ศาลเจ้าเฮอัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2438 เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่กรุงเกียวโตมีอายุครบ 1,100 ปี โดยอุทิศถวายแด่จักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของเมือง สถาปัตยกรรมที่ใช้ในการก่อสร้างจะออกแนวศิลปะแบบจีน เน้นความอลังการของอาคารสิ่งก่อสร้างคล้ายกับวิหารในวัดพุทธแตกต่างเพียงศาลเจ้าจะทาด้วยสีแดงสดเป็นต้นแบบให้กับศาลเจ้าแห่งอื่นๆต้องทาสีแดงเข้าไว้ในเวลาต่อมาที่นี่มีแผ่นไม้เขียนขอพรเสี่ยงเซียมซีและเครื่องรางจำหน่ายเหมือนกับศาลเจ้าแห่งอื่นๆ
บริเวณศาลเจ้ายาซากะ เสาโทริอิของศาลเจ้าแห่งนี้สร้างด้วยหินแกรนิตสูง 9 เมตร ด้วยความที่ตั้งอยู่ใกล้ย่านกิออน คนญี่ปุ่นจึงเรียกศาลเจ้าแห่งนี้ว่า กิออนซัง (GionYasaka Shrine) สัญลักษณ์เด่นของที่นี่คือโคมไฟสีขาวห้อยระย้าอยู่เต็มศาลาของศาลเจ้า ยิ่งเวลากลางคืนเปิดไฟจะทำให้โคมที่ห้อยไว้สวยงามเข้าไปอีก ศาลาอีกหลังหนึ่งมีเชือกเส้นโตเอาไว้สั่นระฆังบอกเทพเจ้าให้ได้รับรู้คำขอพรและรับเงินบริจาค เป็นศาลเจ้าที่บรรดานักธุรกิจเข้ามาประกอบพิธีขอพรอยู่เป็นประจำ เป็นศาลเจ้าที่ชาวเกียวโตเลื่อมใสและเคารพนับถือมากอีกแห่งหนึ่ง
งานเทศกาลต่างๆของเมืองมักถูกจัดขึ้นที่นี่เป็นประจำบริเวณสวนมารุยามะ (Maruyama Park) ข้างๆศาลเจ้า มีร้านค้า ร้านอาหาร การละเล่น การแสดง รวมทั้งบ้านผีสิงมร่วมออกร้านได้บรรยากาศแบบงานวัด โดยเฉพาะร้านขายขนม ขายอาหารพื้นเมืองโบราณมีให้เห็นทั้งปลาย่างมันเผา เนื้อย่าง หมึกย่างหรืออาหารยุคใหม่อย่างพิซซ่าญี่ปุ่น ให้เลือกชิมอย่างจุใจ
Cr. www.asiaexplorers.com
ภายในสวนมารุยามะมีต้นซากุระอยู่มาก จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกียวโต และงานวัดวัดส่วนใหญ่คือเทศกาลฮานามิ ต้อนรับการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ มีวัยรุ่นหญิงจนถึงรุ่นคุณป้าแต่งชุดกิโมโนออกมาเดินอวดโฉม ทำให้ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ หากเดินทะลุสวนแห่งนี้จะมีวัดใหญ่อยู่อีกสองวัด ดูจากประตูทางเข้าก็มโหฬารเกินบรรยายแล้ว นั่นคือ วัดโชรินเอ็น (Shorin - in) กับวัดจิออนอิน (Chion - in)
5 ศาลเจ้าแก้นก ! คนโสดควรไป ขอคู่ญี่ปุ่น ณ โตเกียวแดนปลาดิบ
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้